เครื่องทำน้ำอุ่น Joven พิสูจน์ความทนทานด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี

7 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน

Edwin Ruud ผู้ประดิษฐ์เครื่องทำน้ำอุ่น คนแรกของโลก!

Edwin Ruud เกิดเมื่อปี 1854 เป็นวิศกรเครื่องกลและเป็นนักประดิษฐ์ชาวนอร์เวย์ แต่ภายหลังได้อพยพไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาได้คิดค้นประดิษฐ์เครื่องทำน้ำอุ่นอัตโนมัติได้สำเร็จในปี 1889

แต่ละประเทศจะมีการเรียกชื่อเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อนแตกต่างกัน

พื้นที่แรกในโลกที่มีการใช้เครื่องทำน้ำอุ่น คือ Pittsburgh ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในประเทศไอซ์แลนด์ มีแหล่งน้ำร้อนธรรมชาติจำนวนมาก ซึ่งมากกว่า 600 บ่อ ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นน้ำอุ่นธรรมชาติ แทนเครื่องทำน้ำอุ่น

เครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน มีหลายประเภท ตามประเภทเชื้อเพลิงที่ใช้ ได้แก่ ไฟฟ้า, น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

ในช่วงศตวรรษที่ 20 มีผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องทำน้ำอุ่นมากกว่า 150 ราย ปัจจุบัน เหลือผู้ผลิตเพียงไม่กี่รายเท่านั้น

  1. ระบบทำความร้อนที่เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งแต่ละแบบจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน
    • แบบผ่านร้อน น้ำจะไหลผ่านท่อหรือขดลวดทองแดงทำให้น้ำร้อนเร็ว แต่มีปัญหาเรื่องความคงที่ของอุณหภูมิน้ำหากแรงดันน้ำไม่สม่ำเสมอ และมีโอกาสเกิดการอุดตันได้ง่าย
    • แบบหม้อต้ม น้ำจะไหลผ่านหม้อต้มแล้วทำให้น้ำร้อน ก่อนจะปล่อยน้ำออกไป
      1. หม้อต้มพลาสติก สามารถเก็บความร้อนและทนความร้อนได้ดี ไม่เกิด Oxide ไม่เป็นตระกรัน ในทางเทคนิคมีอายุการใช้งานได้นานกว่าแบบทองแดง
      2. หม้อต้มทองแดง สามารถทำความร้อนได้รวดเร็ว แต่มักเกิดตระกรัน ภายในหม้อต้ม จึงไม่เหมาะกับน้ำประปาที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำ น้ำบาดาล หรือน้ำที่มีตะกอนเยอะๆ
  2. ระบบป้องกันไฟดูด – ไฟรั่ว ควรมีระบบป้องกันไฟดูด – ไฟรั่วในตัวเพราะสามารถตัดกระแสไฟได้ทันทีเมื่อมีไฟรั่ว
    • ELCB/ELB (Electronic Earth Leakage Circuit Breaker) เป็นเบรกเกอร์กันไฟรั่วเมื่อมีกระแสไฟฟ้ารั่วทั่วไปจะอยู่ที่ 15-30mA ระบบจะตัดไฟภายในเสี้ยววินาที จึงป้องกันไฟฟ้าดูดได้ทันท่วงที
      ทั้งนี้ ELCB/ELB จะแตกต่างจากเบรกเกอร์ป้องกันไฟเกิน-ไฟช๊อต
    • EELS/ELSD/ESD (Electronic Earth Leakage Sensor) คือ แผงวงจรตัดไฟอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่เหมือนเบรกเกอร์กันไฟรั่ว (ELCB) ซึ่งโดยทั่วไปจะสามารถตัดกระแสไฟฟ้าได้ที่ 10mA ซึ่งรวดเร็วกว่าระบบ ELCB
      ทั้งนี้ ควรต้องหมั่น TEST การทำงานของระบบป้องกันไฟดูด – ไฟรั่ว อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าระบบตัดไฟยังทำงานดีอยู่ หากซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมาแล้วแต่ไม่มีระบบป้องกันไฟดูด – ไฟรั่ว ในตัว ก็จำเป็นต้องหาซื้อเบรคเกอร์ที่ตัดได้ทั้งไฟเกิน ไฟรั่ว ไฟดูด มาติดตั้งเพิ่มเติม
  3. ระบบตัดไฟอัตโนมัติ (Thermostat ) ระบบจะตัดไฟอัตโนมัติกรณีอุณหภูมิน้ำสูงเกินค่าที่กำหนด เพื่อป้องกันน้ำร้อนลวก ตลอดจนป้องกันความเสียหายกับหม้อต้มและตัวทำความร้อน
  4. ระบบวัดอัตราการไหลของน้ำ (Safety Flow Sensor Switch) ช่วยตัดการทำงานอัตโนมัติหากอัตราการไหลของน้ำน้อยมาก หรือไม่มีน้ำไหลเข้าตัวเครื่องเพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดกับหม้อต้มและตัวทำความร้อน
  5. การออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ภายใน – ตัวทำความร้อนควรหุ้มด้วยฉนวนชั้นดีทนความร้อนสูง ฝาครอบเครื่องควรเป็นวัสดุ  ABS ที่ทนความร้อนสูง ป้องกันการลามไฟ ไม่นำไฟฟ้า และปิดได้สนิท หรือพิจารณาจากการรับรองมาตรฐาน IP Code ที่ระบุระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำเข้าตัวเครื่อง การจัดวางอุปกรณ์ และสายไฟภายในเป็นระเบียบ นอกจากนี้ควรเลือกสายฝักบัวและหัวฝักบัวที่ผลิตด้วยพลาสติกเพื่อไม่ให้เป็นสื่อนำไฟฟ้า (ไม่ควรใช้สายฝักบัวโลหะกับเครื่องทำน้ำอุ่นเด็ดขาด)
  6. สายดินและสายไฟ  ต้องมีจุดเชื่อมต่อสายดิน มีจุดเชื่อมต่อสายดินไปยังทุกชิ้นส่วนสำคัญภายในตัวเครื่อง เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากไฟรั่วได้อย่างทั่วถึง และสายดินจะต้องมีขนาดไม่เล็กกว่า 2.5 SQ.MM. ขนาดสายไฟของเครื่องทำน้ำอุ่นต้องได้ขนาด ไม่เล็กจนเกินไป มีหน้าสัมผัสยาว ผลิตจากตัวนำคุณภาพสูง แข็งแรงและนำไฟฟ้าได้ดี
  7. แรงดันน้ำ  แรงดันน้ำสูงเหมาะกับเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังสูง , มีระบบตรวจวัดอุณหภูมิให้สม่ำเสมอ หรือเครื่องที่มีระบบปรับระดับแรงดันน้ำได้ แต่ถ้าแรงดันน้ำต่ำ ให้เลือกเครื่องขนาดเล็ก หรือเครื่องที่มีระบบปรับให้ใช้กับแรงดันน้ำต่ำได้ เช่น รุ่นที่มีระบบปั๊มน้ำภายในเครื่อง
  8. สภาพอากาศ  มีผลกับเครื่องทำน้ำอุ่นโดยตรง หากต้องการใช้ในพื้นที่ที่มีหนาวมากๆ ไม่ว่าจะมีแรงดันน้ำต่ำหรือสูง ให้เลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังวัตต์สูง
    นอกจากนี้การเลือกกำลังวัตต์ก็ต้องรู้ว่ามิเตอร์ไฟฟ้าที่บ้านสามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้กี่แอมแปร์ (A) ยกตัวอย่าง มิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5 (15)A ควรเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่กินไฟไม่เกิน 3,500 วัตต์ มิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 15(45) A สามารถเลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่นขนาด 4,500 – 6,000 วัตต์
  9. การประหยัดพลังงาน  ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีหม้อต้มภายในตัวเครื่อง เพราะจะสิ้นเปลืองการใช้พลังงานน้อยกว่าแบบขดลวดทำความร้อน
  10. การรับประกันและการบริการหลังการขาย  ควรเลือกสินค้าที่มีการรับประกันและการบริการหลังการขายที่ดี โดยสามารถศึกษาจากนโยบายการให้บริการ และรับประกัน รวมถึงช่องทางติดต่อเพื่อแจ้งปัญหา และมีศูนย์ให้บริการซ่อมทั้งในและนอกระยะเวลาการรับประกัน

นอกจากวิธีการเลือกซื้อเลือกทำน้ำอุ่นให้เหมาะสมกับการใช้งาน และปลอดภัยตลอดอายุการใช้งานและการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งอย่างไร จึงจะปลอดภัยมั่นใจหายห่วง (อ่านต่อ) แล้วการใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างถูกวิธี และดูแลรักษาเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างเหมาะสม ก็เป็นสิ่งที่สำคัญซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จาก ข้อแนะนำในการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นอย่างปลอดภัย (อ่านต่อ)

Reader Interactions

Comments